วันเดินทางไป - กลับ | ผู้ใหญ่ท่านละ | พักเดี่ยวเพิ่มเงิน | ราคาเด็กท่านละ | |
---|---|---|---|---|
30 ธ.ค. 67 - 08 ม.ค. 68 | 175,900 บาท | 42,000 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
06.00 น. คณะพบเจ้าหน้าที่และมัคคุเทศก์ได้ที่ เคาน์เตอร์เช็คอิน D (แถว D) ประตูทางเข้าที่ 1- 4 อาคารผู้โดยสารสายการบินไทย ณ สนามบินสุวรรณภูมิ
08.30 น. ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิสู่สนามบินซิดนีย์ (SYD)โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG475 สายการบินบริการอาหารค่ำและอาหารเช้า บนเครื่องบิน (ใช้เวลาบินประมาณ 9 ชั่วโมง)
21.30 น. เดินทางถึงสนามบินซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พักระดับ 4 ดาว Novotel Airport Hotel**** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 1)
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านนั่งเรือเฟอร์รี่สู่เกาะค็อกคาทู (Cockatoo Island) เกาะมรดกโลกแห่งแดนจิงโจ้ จากเกาะยังสามารถมองเห็นสะพานฮาร์เบอร์บริดจ์ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองซิดนีย์ เกาะแห่งนี้องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก เป็นเกาะที่มีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัยสงครามโลก อีกทั้งเคยเป็นเรือนจำ ที่คุมขังนักโทษสมัยก่อน และเป็นอู่ซ่อมเรือ ต่อเรือรบ จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แห่งหนึ่ง ทั้งนี้ในอดีตเกาะแห่งนี้มีแต่เพียงชาวอะบอริจิน ชนพื้นเมืองเข้ามาทำการประมง ต่อมาในปี 1839-1850 รัฐบาลรัฐนิวเซาท์เวลส์ ได้เลือกให้เกาะแห่งนี้เป็นที่จำคุกนักโทษอีกแห่ง เนื่องจากคุกที่มีอยู่นั้นเริ่มแออัดด้วยจำนวนนักโทษที่เพิ่มขึ้น และปี 1900 มีการเปลี่ยนเกาะนี้ให้กลายเป็นอู่ต่อเรือแทน เพื่อใช้สร้างเรือรบของออสเตรเลียในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง จนกระทั่งปี 1965-1992 ก็มีการปิดอู่ต่อเรือแห่งนี้ โดยเครื่องจักรต่างๆ ก็ถูกขายทิ้งไป อาคารหลายๆ แห่งและท่าเรือหลายท่าก็ถูกทำลายไป ทิ้งไว้เป็นตำนาน นำท่านเที่ยวชมเรื่องราวประวัติศาสตร์ของซิดนีย์ผ่านโบราณสถานที่ยังคงหลงเหลือให้เห็นบนเกาะแห่งนี้
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน (พร้อมเมนูกุ้งมังกรและหอยเป๋าฮื้อทะเลใต้)
บ่าย นำท่านเที่ยวชมเมืองซิดนีย์ (Sydney) เมืองหลวงของรัฐนิวเซาท์เวลส์ อีกหนึ่งมนต์เสน่ห์ ที่เป็นเสมือนแม่เหล็กที่คอยดึงดูดผู้คนจากต่างถิ่น ให้แวะเวียนมาเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของออสเตรเลียแห่งนี้ นำท่านถ่ายรูปกับสะพานซิดนีย์ฮาร์เบอร์ (Sydney Harbour Bridge) สถานที่ที่ท่านจะได้สัมผัสความงดงามของเมืองซิดนีย์ในมุมมองที่แตกต่าง ชื่นชมกับความยิ่งใหญ่ของสิ่งที่ได้ชื่อว่าเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของออสเตรเลีย จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปกับซิดนีย์โอเปร่าเฮาส์ (Sydney Opera House) เป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างสมัยใหม่ที่รู้จักกันดีทั่วโลก ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชาวเดนมาร์ก ยอร์น อุตซอน (Jørn Utzon) โดยโอเปร่าเฮาส์ตั้งอยู่บริเวณปากอ่าวซิดนีย์ โดยภายในแบ่งออกเป็นห้องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โรงแสดงคอนเสิร์ต โรงอุปรากร โรงละคร เพลเฮาส์ และอื่นๆอีกมาก
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พักระดับ 4 ดาว Novotel Airport Hotel**** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 2)
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
07.00 น. นำท่านเช็คอินเคาน์เตอร์ สายการบิน เวอร์จิ้น แอร์ไลน์
09.30 น. ออกเดินทางจากสนามบินซิดนีย์ สู่สนามบินโฮบาร์ตโดยเที่ยวบิน VA1530 (ใช้เวลาบินประมาณ 1.55 ช.ม.)
11.25 น. เดินทางถึงสนามบินโฮบาร์ต
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเที่ยวชมเมืองโฮบาร์ต (Hobart) เมืองหลวงของรัฐแทสมาเนีย ที่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง เป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดลำดับที่ 2 รองลงมาจากซิดนีย์ จากการก่อตั้งเมืองในออสเตรเลียเมื่อปี ค.ศ.1803 เมืองโฮบาร์ตตั้งอยู่คร่อมสองฝั่งของ ปากแม่น้ำเดอร์เวนท์ (Derwent River) โดยมี ภูเขาเวลลิงตัน (Mt. Wellington) เป็นฉากหลัง ทั้งนี้โฮบาร์ตอุดมไปด้วยมรดกจากยุคอาณานิคม ความงามของธรรมชาติ และบรรยากาศของเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยความรื่นเริงของบาร์และร้านอาหารในเมืองยามค่ำคืน นำท่านเดินทางสู่อลิซาเบธสตรีท (Elizabeth St Mall) ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว ธนาคาร และที่ทำการไปรษณีย์หลักบนถนนอลิซาเบธ นำท่านแวะชม ซาลาแมนกาเพลส (Salamanca Place) ชุมชนเล็กๆของชาวแทสมาเนีย ที่เรียงรายไปด้วย ตึกเก่าและอาคารโบราณในยุคอาณานิคมอังกฤษ นำท่านเดินลัดเลาะเข้าสู่ ย่านแบตเตอรี่พ้อยน์ท (Battery Point) ซึ่งเป็นเขตชุมชนโบราณสมัยอาณานิคมยุคต้นๆที่ได้รับการรักษาสภาพไว้เป็นอย่างดี ผ่านชมหมู่อาคารโบราณที่สง่างาม เช่น Arthur Circus Cottages, โบสถ์เซนต์ และพิพิธภัณฑ์ Van Diemen's Land Folk Museum อาคารสมัยจอร์เจียนที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ซึ่งได้รับการจัดแต่งภูมิทัศน์ไว้อย่างงดงาม
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Hotel Grand Chancellor Hobart Hotel **** หรือเทียบเท่า (พักค้างคืนที่ 1)
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ พอร์ตอาเธอร์ (Port Arthur) (ระยะทาง 82 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.20 ชั่วโมง) อดีตเมืองคุกแห่งคาบสมุทรแทสมันที่มีฉลามชุกชุม เหมาะสำหรับจองจำนักโทษในอดีตอย่างยิ่ง นำท่านขึ้นเรือและผจญภัยสู่เกาะแทสมัน (Tasman Island) เกาะที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของหมู่เกาะแทสมัน และอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแทสมัน อุทยานแห่งชาติที่เต็มไปด้วยหินและหน้าผาอันสวยงาม และอยู่ห่างจากโฮบาร์ต เมืองหลวงของรัฐแทสมาเนียไปทางตะวันออกเฉียงใต้ เป็นรู้จักกันดีถึงหน้าผาริมทะเลที่สูงลิบและหินที่มีรูปทรงขนาดใหญ่สวยงามแปลกตา ท่านจะได้ชมความงามของแทสมันอาร์ก (Tasman Arch) อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยว ที่มีความโดดเด่นทางด้านลักษณะภูมิประเทศของอุทยานแห่งชาติแทสมัน หน้าผารูปทรงแปลกซึ่งมีลักษณะเป็นถ้ำหรืออุโมงค์ขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นโดยการกระทำของคลื่นทะเลซัดเข้ากระแทกนานนับศตวรรษ แรงดันมหาศาลของคลื่นประกอบกับบีบอัดอากาศที่เกิดจากการกระแทกหน้าผา ได้ส่งผลให้เกิดรอยแตกแยกจนกลายเป็นลักษณะภูมิประเทศที่แสนมหัศจรรย์ สร้างความประทับใจแก่ผู้มาเยือนเป็นอย่างมาก จากนั้นผ่านชม โบลว์โฮล (Blow Hole) หน้าผาชั้นหินทรายที่ถูกแรงคลื่นจากทะเลซัดจนทะลุเป็นโพรงใต้น้ำ พอคลื่นจากทะเลซัดเข้าหาโพรงจะเกิดมวลน้ำพวยพุ่งขึ้นสูงราวกับน้ำพุ และเดวิลคิทเช่น (Devil Kitchen) หน้าผารูปทรงแปลกตาจนเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีโอกาสได้พบกับความน่ารักของสัตว์นานาชนิด อาทิ แมวน้ำ, ปลาโลมา และนกชนิดต่างๆ เป็นต้น (***การออกเรือขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ในกรณีที่มีพายุหรือลมแรง ไม่สามารถออกเรือได้ บริษัทฯจะคืนค่าล่องเรือให้ในราคากรุ๊ปทัวร์ที่จองเอาไว้ และสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 4 ขวบไม่อนุญาตให้ขึ้นเรือเพื่อความปลอดภัย)
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเข้าชมสวนประวัติศาสตร์แห่งพอร์ตอาเธอร์ (Port Arthur Historical Site) ซึ่งมีการจัดแสดงเกี่ยวกับการเรียนรู้ชีวิตนักโทษในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ซึ่งเคยถูกใช้จองจำนักโทษอุกฉกรรจ์กว่า 1,000 ชีวิตช่วงกลางศตวรรษที่ 18 ผ่านชมโรงนอน ห้องพักนักโทษ ห้องสมุด โบสถ์ ซึ่งปัจจุบันเป็นหนึ่งในสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศออสเตรเลีย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Hotel Grand Chancellor Hobart Hotel **** หรือเทียบเท่า (พักค้างคืนที่ 2)
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเข้าชม สวนอนุรักษ์แทสมาเนียนเดวิล (Tasmanian Devil Conservation Park) ชมความน่ารักของสัตว์เจ้าถิ่นของเกาะแทสมาเนียอย่างใกล้ชิด แทสมาเนียนเดวิลได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสัตว์คุ้มครองมาตั้งแต่ ปี ค.ศ.1941 ถึงแม้ว่าแทสมาเนียนเดวิลจะสามารถตกลูกคราวละประมาณ 30 ตัว แต่จะมีเพียงประมาณ 4 ตัวเท่านั้นที่มีชีวิตรอด โดยแทสมาเนียนเดวิลตัวเมียสามารถมีลูกในกระเป๋าหน้าท้องได้สูงสุดถึง 6 ตัวในระยะเวลานาน 3 เดือน นอกจากนี้ยังมีข้อสันนิษฐานว่าแทสมาเนียนเดวิลได้สูญพันธุ์ไปจากแผ่นดินใหญ่ของออสเตรเลียเมื่อประมาณ 3,000 ปีมาแล้ว
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น (Seafood Menu)
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ อุทยานแห่งชาติเฟรซิเนท์ (Freycinet National Park) (ระยะทาง 202 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.40 ชั่วโมง) ซึ่งตั้งชื่อตามนักเดินทางชาวฝรั่งเศส ชมทิวทัศน์อันงดงาม ณ จุดชมวิวเหนืออ่าวไวน์กลาสเบย์ (Wineglass Bay) ที่เทือกเขาสีเขียว น้ำทะเลสีฟ้าและหาดทรายสีขาวมาบรรจบกัน แวะถ่ายรูปกับประภาคารบนแหลม Cape Tourville ระหว่างทางท่านสามารถได้พบกับนกทะเลชนิดต่างๆ ดอกไม้ป่าของแทสมาเนียนานาชนิด และน้ำใสแจ๋วในแอ่งหินอย่างใกล้ชิด
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Beachfront Bicheno Hotel *** หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองเซนต์เฮเลน(St.Helens) (ระยะทาง 76 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.10 ชั่วโมง) หนึ่งในเมืองตากอากาศที่มีชื่อเสียงทางตอนเหนือของเกาะแทสมาเนีย นอกจากนี้ยังมีชื่อเสียงด้านการจัดการแข่งขันตกปลาประจำเมืองอีกด้วย นำท่านชม เบย์ออฟไฟร์ (Bay of Fire) ตั้งชื่อโดยกัปตันโทเบียส เมื่อปี ค.ศ.1773 เมื่อเขาพบเห็นการก่อกองไฟที่ชายหาดโดยชนพื้นเมืองชาวอะบอริจิน ชายหาดนี้มีชื่อเสียงขึ้นชื่อด้วยความขาวของหาดทราย น้ำทะเลสีฟ้าใส และหินแกรนิตสีน้ำตาล ซึ่งสีน้ำตาลเหล่านี้เกิดจากการเกาะตัวของไลเคน นำท่านแวะถ่ายรูปกับ อนุสรณ์ไม้แกะสลักแด่ผู้ล่วงลับ (Legerwood Carved Memorial Tree) ในชุมชนเล็กๆของเมืองเลเกอร์วู้ด (Legerwood) ซึ่งรูปแกะสลักไม้ต่างๆนั้นถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ทหารผู้เสียชีวิตจากสงครามโลกครั้งที่ 1 นำท่านสู่หมู่บ้านลาเวนเดอร์ไบรด์สโตว์ (Bridestowe Lavender Estate) ก่อตั้งขึ้นโดยนักปรุงน้ำหอมตระกูลเดนนี่ ชาวอังกฤษที่เข้ามาตั้งรกรากถิ่นฐานเมื่อปี ค.ศ.1921 จากการบริหารงานรุ่นสู่รุ่น ทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นหนึ่งในฟาร์มผลิตลาเวนเดอร์ชื่อดัง และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่ผู้คนหลั่งไหลแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมในช่วงฤดูร้อนอย่างไม่ขาดสายในแต่ละปี แต่แล้วก็ถูกขายกิจการตกทอดแก่ครอบครัวเรเวนเมื่อปี ค.ศ.2007 อิสระให้ท่านเลือกชมผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นในหมู่บ้าน และถ่ายรูปกับทัศนียภาพของเมืองนี้
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ เมืองลอนเซสตัน (Launceston) (ระยะทาง 27 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที) เมืองเล็กๆทางตอนเหนือของเกาะแทสมาเนียที่ถูกโอบล้อมด้วยภูเขาเขียวขจี เป็นเมืองที่มีธรรมชาติสวยงามมาก มีวัฒนธรรมอันรุ่งเรือง วิถีชีวิตผู้คนสงบ เรียบ ง่าย ตั้งอยู่ต้นแม่น้ำทามาร์ แม่น้ำสายสำคัญของเมืองนี้ และยังเป็นแหล่งผลิตไวน์ชั้นเยี่ยมของออสเตรเลีย นับเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองแห่งเกาะแทสมาเนีย รองจากเมืองโฮบาร์ต ถูกตั้งรกรากโดยชาวยุโรปตั้งแต่ปี ค.ศ.1806 และเป็นหนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในออสเตรเลีย นำท่านชมเมืองซึ่งเต็มไปด้วยอาคารสถาปัตยกรรมเก่าแบบโกธิก โบสถ์ประจำเมือง อาคารรัฐสภา โรงเบียร์เก่าใจกลางเมือง หรือที่ทำการไปรษณีย์เก่าแก่ที่มีหอนาฬิกาบอกเวลาอยู่บนหอคอย จากนั้นชมดอกไม้หลากสีสันใน ซิตี้ปาร์ค สวนพฤกษศาสตร์ของเมืองนี้ ซึ่งมีดอกวิสทีเลีย ที่ได้ชื่อว่าเป็นไม้เลื้อยที่สวยและหอมที่สุดในโลกในสวนแห่งนี้ ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ท่าเรือดาเวนพอร์ท (Devanport) เพื่อเช็คอินลงเรือเฟอร์รี่ข้ามฟากสู่ เมืองเมลเบิร์น
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ร้านอาหารในเรือ Spirit of Tasmania
นอนหลับพักผ่อนบนเรือเฟอร์รี่ข้ามฟาก SPIRIT OF TASMANIA
(เรือใช้เวลาข้ามฟากประมาณ 11 ชั่วโมง แนะนำให้ท่านเตรียมกระเป๋าใบเล็ก)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารภายในเรือ
06.00 น. เรือเทียบท่า ณ ท่าเรือเมืองเมลเบิร์น (Melbourne)
นำท่านเดินทางสู่ เมืองเมลเบิร์น (Melbourne) เมืองที่มีลักษณะโดดเด่นไม่เหมือนที่ใด ในบรรยากาศนครแห่งความทันสมัย แต่ยังคงสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ผสมผสานกลมกลืนทางด้านศิลปะ วัฒนธรรม มีภัตตาคารชั้นดี แหล่งช้อปปิ้งชั้นยอด และรถรางอันมีชื่อ ที่ทำให้เมืองเมลเบิร์น ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่มีระบบการคมนาคมสาธารณะในเมืองที่ดีที่สุดในโลก นอกจากนี้เมืองเมลเบิร์นยังได้รับผลโหวตให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลกสามปีติดต่อกัน โดย EIU เมื่อ ค.ศ.2012-2014 นำท่านผ่านชม ย่านจตุรัสเฟดเดอเรชั่น สแควร์ (Federation Square) อีกหนึ่งจัตุรัสที่ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมืองเมลเบิร์น และยังเป็นจุดเชื่อมศูนย์กลางเมืองกับแม่น้ำยาร์ร่า นำท่านผ่านชม สวนฟิซรอย (Fitzroy Garden) สวนสาธารณะในกลางนครเมลเบิร์น สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1848 และครอบคลุมพื้นที่สีเขียวอาณาเขตกว่า 64 เอเคอร์ นับเป็นหนึ่งในกว่าสิบสวนสาธารณะที่ทำให้เมลเบิร์นได้รับสมญานามว่า เป็นเมืองแห่งสวนสาธารณะ นำท่านแวะถ่ายรูปกับ บ้านกัปตันคุ๊ก (Captain Cook Cottage) หรือชื่อเต็ม กัปตัน เจมส์ คุ๊ก ยอดนักเดินเรือชาวอังกฤษ ผู้ซึ่งเดินเรือสำรวจบนคาบสมุทรแปซิฟิกและค้นพบเกาะฮาวาย ประเทศนิวซีแลนด์ และประเทศออสเตรเลีย
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารไทย
บ่าย นำท่านถ่ายรูปกับ โบสถ์เซนต์แพทริค (St.Patrick Cathedral) โบสถ์โรมันคาทอลิกสไตล์โกธิก สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1858 มียอดหอคอยสวยงามสูงกว่า 105 เมตร นอกจากนี้ พระสันตะปาปาโป๊ปจอห์นปอลที่สอง เคยเสด็จมาเยือนโบสถ์แห่งนี้เมื่อปี ค.ศ.1986 จากนั้นนำท่านสู่ ตลาดควีนวิกตอเรีย (Queen Victoria Market) ตลาดใจกลางเมืองบนพื้นที่กว่า 17 เอเคอร์ ซึ่งนับเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในซีกโลกใต้ (Southern Hemisphere) ภายในตลาดแบ่งเป็นโซนอย่างชัดเจน ทั้งตลาดผลไม้ตามฤดูกาลนานาชนิด ซึ่งมีทั้งผลไม้ท้องถิ่นและแบบนำเข้าจากต่างประเทศ ตลาดเนื้อและปลา ซึ่งพ่อค้านำมาขายแบบสดๆเกือบทุกวัน นอกจากนี้ยังมีร้านเบเกอรี่ ร้านขายสินค้าพื้นเมือง ของฝากต่างๆมากมาย อิสระให้ท่านเดินเลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย (***ตลาดปิดทำการในวันจันทร์และวันพุธ หากตรงกับวันดังกล่าว ทางทัวร์จะนำท่านเที่ยวชมสถานที่อื่นแทน)
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Rydges Melbourne Hotel **** หรือเทียบเท่า (พักค้างคืนที่ 1)
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางผ่าน เส้นทางสายเกรทโอเชี่ยนโรด (Great Ocean Road) เส้นทางเลียบชายฝั่งทางตอนใต้ที่มีชื่อเสียงดับโลกของออสเตรเลีย ผ่านหนาผาอันสูงชัน ประปรายด้วยรีสอร์ทสำหรับนักท่องเที่ยว และเขตป่าฝนอันเขียวขจี ท่านจะได้เพลิดเพลินกับวิวธรรมชาติอันสวยงาม พร้อมจุดชมวิวที่มีความแปลกตา ไม่ว่าจะเป็น ทเวลฟ์ อโพสเทิล (Twelve Apostles) หรือที่รู้จักกันในนาม "หินสาวกทั้ง 12 ของพระคริสต์" แท่งหินปูนที่ถูกธรรมชาติสลักให้มีรูปทรงแปลกและแตกต่างกันไป เรียงรายกระจายอยู่บริเวณชายหาด จำนวน 12 ต้น ซึ่งมีการผุกร่อนไปแล้ว 2 ต้น ปัจจุบันเป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวถ่ายภาพเป็นที่ระลึกมากที่สุดแห่งหนึ่งในออสเตรเลีย นอกจากนี้ยังมี ดิ ลอค อาท จอร์จ (The Loch Ard Gorge) แท่งหินรูปโค้งขนาดใหญ่กลางทะเลใกล้ชายฝั่ง ซึ่งถูกน้ำทะเลกัดเซาะตรงกลางจนทะลุ ก่อให้เกิดรูปร่าง คล้ายสะพานโค้ง และ ลอนดอนบริดจ์ (London Bridge) หินกลางทะเลซึ่งมีลักษณะคล้ายสะพานที่ข้ามแม่น้ำเทมส์ในกรุงลอนดอน
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเที่ยวชมเส้นทางอันสวยงามแห่ง สายเกรทโอเชี่ยนโรด อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความสวยงามของเส้นทางถนนสายนี้ จวบจนได้เวลา นำท่านเดินทางสู่ เมืองเมลเบิร์น (Melbourne) เมืองที่มีลักษณะโดดเด่นไม่เหมือนที่ใด ในบรรยากาศนครแห่งความทันสมัย แต่ยังคงสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ผสมผสานกลมกลืนทางด้านศิลปะ วัฒนธรรม มีภัตตาคารชั้นดี แหล่งช้อปปิ้งชั้นยอด และรถรางอันมีชื่อ ที่ทำให้เมืองเมลเบิร์น ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่มีระบบการคมนาคมสาธารณะในเมืองที่ดีที่สุดในโลก นอกจากนี้เมืองเมลเบิร์นยังได้รับผลโหวตให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลกสามปีติดต่อกัน โดย EIU เมื่อ ค.ศ.2012-2014
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน (พร้อมเมนูกุ้งมังกรและเป๋าฮื้อ)
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Rydges Melbourne Hotel **** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 2)
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านสัมผัสประสบการณ์กับการชมทะเลสาบสีชมพู (Pink Salt Water Lake Melbourne) ซึ่งเป็นทะเลสาบขนาดไม่ใหญ่อยู่ใน Westgate Park ซึ่งโดยปกติจะเห็นเป็นสีชมพูในช่วงประมาณหน้าร้อนโดยสีชมพูนี้เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติจากการทำปฏิกิริยาระหว่างสาหร่ายเล็กเซลล์เดียว Dunaliella salina กับแบคทีเรียที่ไม่เป็นอันตราย Halobacteria cutirubrum พร้อมด้วยความเข้มข้นของระดับเกลือในน้ำ อุณหภูมิ และแสงแดดที่เหมาะสม ทำให้เกิดสีแดงเป็นจำนวนมาก ทำให้ทะเลสาบกลายเป็นสีชมพู
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น (Pork Ribs Menu)
บ่าย นำท่านชมอนุสรณ์สถานสงครามโลกครั้งที่ 1 (Shine of Remembrance) อาคารขนาดใหญ่คล้ายพีระมิดอยู่ทางด้านซ้ายมือ เป็นสถานที่ไว้อาลัยและเป็นอนุสรณ์จดจำสำหรับทหารผู้เสียสละชีวิตในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 สถานที่แห่งนี้อาจจะดูไม่ค่อยเหมาะสำหรับมาเที่ยวเฮฮานัก แต่ในทางกลับกันกลับมอบความรู้สึกสงบและผ่อนคลายเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ทางเดินยาวเข้าตัวอาคารบวกกับหญ้าสีเขียวสบายตา มีความงดงามจนต้องเก็บภาพทุกครั้งที่เดินผ่าน นอกจากนี้บนชั้นดาดฟ้าของตัวอาคารยังเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่ห้ามพลาด เพราะสามารถมองทิวทัศน์ของเมืองทั้งเมืองได้โดยรอบ นำท่านแวะถ่ายรูปกับ สถานีรถไฟถนนฟินเดอร์ (Flinder Street Railway Station) ซึ่งเป็นสถานีรถไฟที่เก่าแก่ของเมือง อายุมากกว่า 100 ปี ตัวอาคารเป็นสีเหลืองนวล โด่ดเด่นอยู่ใจกลางเมือง มักจะถูกใช้เป็นจุดเริ่มต้นของนักเดินทางและจุดนัดพบของผู้คนทั่วไป เป็นจุดที่มีผู้คนพลุกพล่านที่สุดของเมือง มีร้านอาหาร และแหล่งช้อปปิ้งมากมาย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารไทย
19.30 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบิน เมลเบิร์น (MEL) เพื่อเช็คอิน
23.30น. ออกเดินทางสู่ กรุงเทพ โดยสายการบินไทย เที่ยวบิน TG 462 (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 9.35 ชั่วโมง)
สายการบินบริการอาหารค่ำ และ อาหารเช้าระหว่างเที่ยวบิน
06.00 น. เดินทางถึงกรุงเทพมหานครโดยสวัสดิภาพ (Bon Voyage)
74/8 ซอย มีสุวรรณ 3 ขวง พระโขนงเหนือ เขต วัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110